หากต้องการเปลี่ยนบรรยากาศของบ้านให้แตกต่าง การทาสีเป็นวิธีที่ง่ายและประหยัดโดยไม่จำเป็นต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ช่วยให้ห้องเก่าที่ดูหม่นหมองกลับมามีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้สียังมีอิทธิพลต่ออารมณ์ความรู้สึกและสามารถช่วยให้ห้องแคบ ๆ ดูกว้างขึ้นได้ เนื้อหาชุดนี้ “บ้านไอเดีย” นำ 5 เทคนิคในการทาสีห้องแคบ ๆ ให้ดูกว้าง ดูมีมิติสูงโปร่งสบายตามากขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับภาพตัวอย่างที่จะช่วยให้ผู้อ่านได้เห็นความต่างในการทาสีแต่ละแบบได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นครับ
ภาพถ่าย : gaiam
การตกแต่งห้องเล็ก ๆ ให้ดูกว้างขึ้นมีหลากหลายวิธีให้เลือกสรร เช่น เลือกเฟอร์นิเจอร์ขนาดพอเหมาะ, เปิดช่องแสงให้กว้างขึ้น, เลือกกระเบื้องหรือวอลเปเปอร์ที่มีลวดลายละเอียดอ่อน และอีกวิธียอดนิยมที่เห็นผลต่างอย่างชัดเจน สามารถทำได้ง่ายและประหยัดงบ นั่นคือ การนำสีมาช่วยหลอกสายตา ให้ห้องดูโปร่งกว้างขึ้น แต่จำเป็นต้องมีเทคนิคในการทากันเล็กน้อย ดังนี้ครับ
1. พื้นที่ดูกว้างขึ้นด้วยสีโทนอ่อน
สีแต่ละโทนให้ความรู้สึกแตกต่างกัน โทนสีเข้มให้ความรู้สึกถึงความหนักแน่น มืดทึบ เมื่อใช้ทาสีห้องจะทำให้รู้สึกถึงพลังและน้ำหนัก เป็นผลให้ห้องดูแคบและอึดอัด ส่วนโทนสีอ่อนโดยเฉพาะสีโทนเย็นแบบพาสเทล ช่วยให้รู้สึกได้ถึงความโปร่ง เบา สดชื่น และสบายตา เช่น สีฟ้าอ่อน, สีเขียวอ่อน สีครีม หรือสีขาว เป็นสีที่สะท้อนแสงสว่างได้ดี ทำให้ห้องดูกว้างกว่าสีเข้มและเติมบรรยากาศในบ้านให้สดใสมากขึ้น โดยรวมแล้วโทนสีอ่อนหรือโทนสีสว่าง จึงเหมาะกับการทาในห้องแคบ ๆ มากกว่าสีมืดเข้มครับ
ภาพถ่าย : viralfunbox
2. เพิ่มมิติให้ห้องด้วยโทนสีเข้ม
จากข้อที่ผ่านมาได้แนะนำไปถึงการเลือกโทนสีเข้มและโทนสีสว่าง ผู้อ่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าไม่สามารถใช้โทนสีเข้มได้นะครับ ลักษณะอารมณ์ของสีเข้ม เป็นโทนสีที่มีน้ำหนัก สามารถนำคุณสมบัติดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้ห้องเกิดมิติ ดูโปร่งลึกยิ่งกว่าทาสีอ่อนเพียงอย่างเดียว
- ทาสีเข้มบนผนังด้านใน หรือด้านที่มีความแคบกว่า เพื่อหลอกสายตาให้รู้สึกว่าห้องดูลึก
ตัวอย่างการทาสีเฉพาะด้านใน ช่วยให้ห้องดูลึก แต่หากทาทั้งสองด้าน ห้องจะเหมือนถูกบีบ
- ทาสีเข้มบนฝ้าเพดาน เพื่อหลอกสายตาให้รู้สึกว่าฝ้าเพดานมีความลึก ช่วยให้ห้องดูสูงมีมิติมากกว่าเดิม
ภาพถ่าย : sbdesigner
ตัวอย่างการทาสีฝ้าเพดาน ช่วยเพิ่มมิติให้ห้อง
- ไล่เฉดสีอ่อนเข้ม เพื่อให้ห้องเกิดมิติเชิงลึก สามารถไล่เฉดสีได้หลายลักษณะ เช่น ไล่เฉดเข้มไปหาอ่อน โดยให้โทนสีเข้มอยู่ภายในห้องและโทนสีอ่อนริมผนังภายนอก หรือเลือกใช้สีเข้มตามแนวผนังที่ลึกกว่า จะช่วยเพิ่มความลึกให้กับผนังจุดดังกล่าว โดยเทคนิคนี้แนะนำให้ใช้สีน้ำ จะให้อารมณ์การไล่สีได้พริ้วกว่าสีประเภทอะคริลิค
ภาพถ่าย : homedesignlover
ตัวอย่างการไล่เฉดสี เพื่อให้ห้องเกิดมิติที่น่าสนใจ
ภาพถ่าย : apartmenttherapy
- เลือกทาสีที่มีความเปรียบต่างสูง เช่น ขาว-เทาดำ เป็นการหลอกสายตาให้มองหลุดไปที่ผนังด้านสว่างกว่า เสมือนว่าผนังฝั่งดังกล่าวเป็นส่วนเดียวกับพื้นที่นอกห้อง
3. สะกดสายตาด้วย Texture
การทาสีโทนอ่อนหลอกสายตาให้ห้องดูกว้าง ทาสีโทนเข้มหลอกสายตาให้ห้องดูลึก แต่หากผู้อ่านต้องการดึงดูดสายตา เพื่อให้ตาของเราโฟกัสไปกับสิ่งที่น่าสนใจ สามารถแต่งผนังด้านใดด้านหนึ่งให้มี Texture ที่โดดเด่น จะเป็นการนำสายตาไปสู่จุดดังกล่าว จนกระทั่งลืมไปเลยว่าห้องดังกล่าวนั้นแคบ สำหรับเทคนิคนี้แนะนำให้เลือกใช้สีประเภทอะคริลิค ให้สีที่เด่นชัดมันวาวได้ดีกว่าสีน้ำและเล่นลวดลายได้ง่ายกว่า
ภาพถ่าย : brookeeva
- เลือกทาสีเข้มที่มี Texture บนผนังด้านใดด้านหนึ่ง เป็นการเพิ่มจุดสนใจให้ห้องเล็ก ๆ ได้เช่นกัน
ภาพถ่าย : fabianascaranzi
4. เส้นสาย ลายไหนดี
สมัยเด็ก ๆ คุณครูเคยแนะนำว่า เด็กคนไหนอ้วนหรือเตี้ยให้ใส่เสื้อลายแนวตั้งจะช่วยให้หุ่นดูสูงเพรียวขึ้นได้ ส่วนเด็กคนไหนผอมมาก แนะนำให้ใส่เสื้อลายขวาง จะช่วยให้ดูอวบอิ่มขึ้น เทคนิคดังกล่าวไม่เพียงใช้กับการแต่งตัวครับ สามารถนำมาใช้แต่งห้องภายในบ้านได้เช่นกัน
ภาพถ่าย : sbdesigner
เปรียบเทียบความรู้สึกเมื่อทาสีผนังลายทางแนวนอนและแนวตั้ง
ภาพถ่าย : aceitepimienta
ลายขวางแบบเส้นทะแยง
ภาพถ่าย : revistasuacasa
5. เพิ่มความเท่ด้วยสีมีลาย
ปัจจุบันนวัตกรรมสีได้มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาขึ้นมาก สีไม่เป็นแค่เพียงสีเรียบ ๆ ทั่วไป แต่ยังเพิ่ม Texture เพื่อให้เกิดความน่าสนใจมากขึ้น เช่น สีปูนลอฟท์, สีเมทัลลิค, สีพ่นลายหิน หรือสีอื่นใดที่ผลิตมาเพื่อสร้างลวดลายโดยเฉพาะ ลวดลายเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ห้องดูกว้างขึ้น แต่ทำให้ห้องมีจุดเด่นที่น่าสนใจ ผู้อยู่อาศัยจึงสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลาย ไม่จำเจ ห้องเล็ก ๆ จึงดูไม่อึดอัดอีกต่อไปครับ
ภาพถ่าย : aliexpress