เคล็ดลับ ปรับ 4 พื้นที่สำคัญของบ้านเพื่อผู้สูงอายุ

จากสภาวะสังคมไทยที่กำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในปี 2564 ทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชน หันมาให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุกันมากขึ้น โดยเฉพาะด้านที่อยู่อาศัย เพราะผู้สูงอายุมักใช้ชีวิตประจำวันส่วนใหญ่อยู่ภายใน ”บ้าน” เนื่องจากสภาพร่างกายของผู้สูงอายุ จะเปลี่ยนแปลงไป โดยมีความเสื่อมถอยของกล้ามเนื้อ กระดูก ระบบประสาทสัมผัส รวมถึงสภาพจิตใจ ดังนั้น “เอสซีจี เอลเดอร์แคร์ โซลูชั่น” ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการเตรียมที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ จึงขอแนะเคล็ดลับปรับ 4 พื้นที่สำคัญของบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มักเกิดอุบัติเหตุกับผู้สูงอายุมากที่สุด เพื่อเติมเต็มการอยู่อาศัยในบ้านของผู้สูงอายุให้สมบรูณ์ พร้อมมอบความปลอดภัย สะดวกสบาย และสุขภาวะที่ยืนยาว 

 

บันไดที่ปรับสำหรับผู้สูงอายุ

บันไดที่ปรับสำหรับผู้สูงอายุ

นางสาวปวีร์มน ทองราช ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Design Consultant)
จากเอสซีจี เอลเดอร์แคร์ โซลูชั่น กล่าวว่า การออกแบบและปรับบ้านให้เหมาะกับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ
ต้องคำนึงถึง 5 องค์ประกอบหลัก ได้แก่

1. Safety ความปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหกล้ม 
2. Ease of use อุปกรณ์ต่างๆ ควรใช้งานง่าย สะดวกและออกแรงน้อย 
3. Eligible ดีไซน์ให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและข้อจำกัดของแต่ละบุคคล 
4. Accessibility การจัดพื้นที่และอุปกรณ์ที่เอื้อต่อการเคลื่อนตัว หรือก้าวเดิน 
5. Stimulation การฟื้นฟูความมีชีวิตชีวาผ่านการจัดสภาพแวดล้อม

นอกจากนี้ยังพบว่าในแต่ละปี 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป มักประสบปัญหาการหกล้ม และแนวโน้มการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้นด้วย ซึ่งบริเวณที่เกิดการหกล้มบ่อย ได้แก่ ห้องนอน ห้องน้ำ พื้นที่ขึ้นลงบันได และภูมิทัศน์รอบบ้าน จึงแนะเคล็ดลับ ปรับพื้นที่สำคัญของบ้าน ด้วยแนวคิด เอจเลส ลีฟวิ่ง (Ageless Living) ที่มุ่งให้ผู้สูงอายุสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างอิสระ ปลอดภัย ลดเส้นแบ่งทางอายุและขีดจำกัดของร่างกาย ให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้านกับครอบครัวได้อย่างมีความสุข เริ่มจาก 

1. ห้องนอน ห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุควรอยู่ชั้นล่างเพื่อลดการขึ้นลงบันได อยู่ในบริเวณที่มีความสงบ เป็นส่วนตัวและมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก

 

ห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ

ห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ

• พื้น ควรปูด้วยวัสดุลดแรงกระแทกและไม่ควรมีพื้นที่ต่างระดับ เพื้อป้องกันการสะดุด หกล้ม 
• เตียงนอน เลือกขนาดให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ ปรับระดับความสูงได้ มีราวจับข้างเตียง ฟูกที่นอนไม่แข็ง หรือนิ่มเกินไป พร้อมพื้นที่บริเวณข้างเตียง 90-100 ซม. เพื่อให้สามารถเข้าไปดูแลได้และรองรับการใช้งานรถเข็น
• ภายในห้องนอน ติดตั้งราวจับบริเวณที่มีการลุกนั่ง มีไฟส่องสว่างอัจฉริยะที่สามารถเปิดปิดอัตโนมัติ
ด้วยการตรวจจับความเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ เพื่อนำทางเดินจากเตียงนอนไปกลับห้องน้ำในยามค่ำคืน

 

ไฟส่องสว่างอัจฉริยะในห้องนอน

ไฟส่องสว่างอัจฉริยะในห้องนอน

• เฟอร์นิเจอร์ แนะนำให้มีโต๊ะข้างเตียงที่หยิบของได้สะดวก ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของควรมีระดับความสูงที่เหมาะสมกับผู้ใช้งาน 
• ประตู ไม่ควรมีธรณีประตูเพื่อป้องกันการสะดุด เลือกแบบบานเลื่อนเปิด-ปิด ที่มีระบบรางแขวนด้านบนตัวล็อค
ใช้งานง่าย ใช้แรงน้อย

2. ห้องน้ำ เป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการลื่นล้มสูง นอกจากการคำนึงถึงขนาดของห้องน้ำที่ควรกว้างอย่างน้อย 200 ซม. เพื่อรองรับการใช้รถเข็น ยังแนะนำให้มีการแบ่งพื้นที่โซนห้องน้ำเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน ดังนี้

 

ราวจับรุ่นต่างๆ สำหรับติดตั้งในห้องน้ำ

ราวจับรุ่นต่างๆ สำหรับติดตั้งในห้องน้ำ

• พื้นที่โซนแห้ง เลือกใช้อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนังที่สามารถรองรับน้ำหนักการเท้าแขนของผู้สูงอายุ หรือเลือกอ่างแบบฝังครึ่งเคาน์เตอร์ เพื่อให้มีพื้นที่ใต้อ่างสะดวกต่อการใช้งานของรถเข็น ก๊อกน้ำควรเป็นแบบก้านโยก หรือก้านปัด ส่วนโถสุขภัณฑ์ควรเป็นแบบนั่งราบ มีระดับความสูงให้เหมาะสม ให้ลุกนั่งง่าย เท้าไม่ลอย และติดตั้งราวจับบริเวณข้างโถสุขภัณฑ์
• พื้นที่โซนเปียก ที่นั่งอาบน้ำที่มีความแข็งแรง ขนาดและความสูงเหมาะกับผู้สูงอายุ โดยฝักบัวควรติดตั้งอยู่บริเวณด้านข้างของที่นั่ง ก้านฝักบัวสามารถปรับระดับความสูงได้ เลือกใช้วาล์วเปิด-ปิดน้ำ ที่สามารถคุมอุณหภูมิได้ ติดตั้งราวจับบริเวณพื้นที่อาบน้ำ ที่สำคัญควรใช้กระเบื้องปูพื้นที่มีค่าความฝืดตั้งแต่ R10 ขึ้นไป เพื่อป้องกันการลื่นล้ม รวมไปถึงการติดตั้งราวจับโดยเฉพาะพื้นที่อาบน้ำ

 

ห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุที่แบ่งโซนเปียกโซนแห้ง

ห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุที่แบ่งโซนเปียกโซนแห้ง

3. พื้นที่ขึ้นลงบันได หากห้องนอนผู้สูงอายุอยู่ชั้นบน อาจทำให้ปวดเข่าเวลาขึ้นลงบันได หรืออาจสะดุดพลัดตกจากบันได ดังนั้นควรให้ปรับมีความกว้างที่เหมาะสม ลูกตั้งบันไดสูงไม่เกิน 15 ซม. ลูกนอนกว้างอย่างน้อย 30 ซม. จมูกบันไดมีสีแตกต่างจากพื้นผิวของบันไดเพื่อให้สังเกตเห็นความแตกต่างของบันไดชัดเจน ควรมีราวบันไดทั้ง 2 ข้าง ในระยะ 80 ซม. จากพื้น และมีแสงสว่างให้เพียงพอ หรือแนะนำให้ติดตั้ง “ลิฟท์บันได” เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกได้

 

ลิฟท์บันได

ลิฟท์บันได

4. ภูมิทัศน์รอบบ้าน ทางเข้าบ้านและบริเวณสวน พื้นทางเดินควรเรียบ มีที่นั่งสำหรับชมธรรมชาติเป็นระยะ ที่นั่งพักควรมีราวจับ หรือเท้าแขน เพื่อช่วยในการพยุงตัวลุกได้สะดวก ในกรณีที่มีทางลาดเข้าบ้าน ควรมีความชัน ไม่เกิน 1:12 มีพื้นที่ว่างหน้าทางลาดไม่น้อยกว่า 150 ซม. ใช้วัสดุพื้นผิวไม่ลื่น มีขอบกั้นและราวจับตลอดแนวทางลาด สำหรับความกว้างทางเดินควรกว้างอย่างน้อย 90 ซม. เพื่อรองรับการใช้รถเข็น นอกจากนี้หากผู้สูงอายุชอบการทำสวน ควรเลือกการปลูกในกระบะ ที่ระยะความสูงประมาณ 60-80 ซม. หรือปลูกต้นไม้แบบสวนแนวตั้ง

 

ภูมิทัศน์รอบบ้าน

ภูมิทัศน์รอบบ้าน

เพราะบ้านคือพื้นที่สำคัญที่ควรใส่ใจในการปรับให้สมาชิกในครอบครัวทุกเพศทุกวัยสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างมีความสุข ทั้งนี้นอกจากข้อแนะนำข้างต้น การปรับบ้านยังต้องคำนึงถึงลักษณะทางกายภาพและสมรรถภาพทางร่างกายในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของผู้สูงอายุอีกด้วย 

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก www.scgbuildingmaterials.com